ปรึกษาทนายจิม
085-939-3392

Line ID: @tanaijim

บทความ

อ่านต่อ
เกิดอุบัติเหตุรถชน ทนายความจะเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนอะไรได้บ้าง

การฟ้องเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนทางแพ่งจากคู่กรณี อุบัติเหตุรถชน

หากคู่กรณีเป็นฝ่ายผิด เบื้องต้นสามารถให้ทาง พ.ร.บ. ของคู่กรณีรับผิดตามความเสียหายแก่ร่างกายหรือค่ารักษาพยาบาลหรือค่าเสียชีวิต ตามวงเงินความคุ้มครองของ พ.ร.บ.

หากยังติดใจเรื่องค่าสินไหมทดแทน ก็สามารถให้ทนายฟ้องคดีกับคู่กรณี หรือนายจ้าง หรือบริษัทประกันภัยได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 ได้

ค่าสินไหมทดแทน เช่น ค่าบาดเจ็บแก่กายและจิตใจ ค่ารักษาพยาบาล ค่าซ่อมรถ ค่าเสื่อมราคารถ ค่าขาดการงานขาดรายได้ ค่าใช้จ่ายของบุคคลในครอบครัวที่ต้องมาดูแล 


อ่านต่อ
คดีเช็คเด้ง ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๕๓๔
คดีอาญา คดีเช็ค ว่าด้วยเรื่องความผิดตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๕๓๔
 
มูลหนี้ตามเช็คที่จะก่อให้เกิดความผิดตามพรบ.เช็คได้ ต้องเป็นการออกเช็คโดยมีเจตนาที่จะชำระหนี้ที่มีอยู่จริงทั้งสิ้น ไม่ใช่การออกเช็คเพื่อค้ำประกันการชำระหนี้ หรือหนี้ตามเช็คมีมูลหนี้ที่แท้จริงเพียงบางส่วน
และผู้ออกเช็คต้องมีเจตนาในการออกเช็ค ดังนี้
1.) เจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น
2.) ในขณะที่ออกเช็คนั้นไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้
3.) ให้ใช้เงินมีจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ในขณะที่ออกเช็คนั้น
4.) ถอนเงินทั้งหมดหรือแต่บางส่วนออกจากบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินตามเช็คจนจำนวนเงินเหลือไม่เพียงพอที่จะใช้เงินตามเช็คนั้นได้
5.) ห้ามธนาคารมิให้ใช้เงินตามเช็คนั้นโดยเจตนาทุจริต
 
เมื่อได้มีการยื่นเช็คเพื่อให้ใช้เงินโดยชอบด้วยกฎหมาย ถ้าธนาคารปฏิเสธไม่ใช้เงินตามเช็คนั้น
คดีนี้ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งปี
 
เมื่อคดีมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี จึงอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลแขวง
ผู้ต้องหาหรือจำเลยจะขอปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่มีหลักประกันก็ได้ โดยศาลจะให้ทำสัญญาประกัน หรือสาบานตนต่อศาล แต่ในบางกรณีศาลอาจเรียกหลักประกัน ไม่เกินหนึ่งในสามของจำนวนเงินตามเช็ค
 
ความผิดตามพรบ.เช็คนี้ เป็นความผิดอันยอมความได้ และในกรณีที่จำเลยชำระหนี้ให้แก่โจทก์จนครบถ้วนก่อนคดีถึงที่สุด ให้ถือว่าคดีเลิกกัน
 
ปรึกษาปัญหากฎหมาย สามารถสอบถามทนายความทางแชทหรือแอดไลน์ @tanaijim ได้เลยครับ

 

อ่านต่อ
คดีเล่นแชร์ ก่อนฟ้องคดีให้ท้าวแชร์ทนายความต้องตรวจสอบมูลเหตุของคดีว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

สำหรับคดีแชร์ที่หลายๆ ท่านสอบถามกันเข้ามาหากท่านใดเป็นท้าวแชร์ แนะนำให้เช็ควงแชร์ของท่านว่า ขัดต่อกฎหมายหรือไม่ด้วยนะครับ

ตามพ.ร.บ.การเล่นแชร์ พ.ศ. 2534

ได้ให้ความหมายของ ‘การเล่นแชร์’ ไว้ว่า

การที่บุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไปตกลงกันเป็นสมาชิกวงแชร์ โดยแต่ละคนมีภาระที่จะส่งเงินหรือทรัพย์สินอื่นใด รวมเข้าเป็นทุนกองกลางเป็นงวด ๆ เพื่อให้สมาชิกวงแชร์หมุนเวียนกันรับทุนกองกลางแต่ละงวดนั้นไปโดยการประมูลหรือโดยวิธีอื่นใด

โดยบุคคลที่จะเป็นนายวงแชร์ หรือ ท้าวแชร์ นั้น จะต้องเป็นบุคคลธรรมดาเท่านั้น

และวงแชร์ของท้าวแชร์ จะต้องมีลักษณะดังต่อไปนี้

(1) มีจำนวนวงแชร์รวมกันไม่เกิน 3 วง

(2) มีจำนวนสมาชิกวงแชร์รวมกันทุกวงไม่เกิน 30 คน

(3) มีทุนกองกลางต่อหนึ่งงวดรวมกันทุกวงเป็นมูลค่า ไม่เกิน 3 แสนบาท

(4) ท้าวแชร์หรือผู้จัดให้มีการเล่นแชร์นั้นไม่ได้รับประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นนอกจากสิทธิที่จะได้รับทุนกองกลาง ในการเข้าร่วมเล่นแชร์ในงวดหนึ่งงวดใดได้โดยไม่ต้องเสียดอกเบี้ย

หากท้าวแชร์ท่านใด เปิดวงแชร์ ขัดต่อข้อหนึ่งข้อใดดังกล่าว มีโทษทั้งจำคุกและปรับนะครับ

 

และ……การเล่นแชร์ ห้ามโฆษณาชี้ชวนให้ประชาชนทั่วไปเข้าร่วมในการเล่นแชร์ ด้วยนะครับ ไม่ว่าจะเป็นท้าวแชร์เอง หรือบุคคลใดๆ ก็ตาม จะมีความผิดตามกฎหมายนะครับ

อ่านต่อ
ทนายความจะฟ้องเรียกค่าทดแทนจากชู้ได้ในกรณีใดบ้าง

สามีหรือภรรยาที่จดทะเบียนสมรส มีคนอื่นสามารถเรียกค่าเสียหายได้หรือไม่ ??

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิย์ มาตรา 1523 กำหนดไว้ว่า เมื่อศาลพิพากษาให้หย่ากันเพราะเหตุตามมาตร 1516 (1) ภริยาหรือสามีมีสิทธิได้รับค่าทดแทนจากสามีหรือภริยาและจากผู้ซึ่งได้รับการอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องหรือผู้ซึ่งเป็นเหตุแห่งการหย่านั้น

วรรคสอง สามีจะเรียกค่าทดแทนจากผู้ซึ่งล่วงเกินภริยาไปในทำนองชู้สาวก็ได้ และภริยาจะเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาวก็ได้

วรรคสาม ถ้าสามีหรือภริยายินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจให้อีกฝ่ายหนึ่งกระทพการตามวรรคสอง สามีหรือภริยานั้นจะเรียกค่าทดแทนไม่ได้

คำว่า สามี หรือภริยา นั้นหมายถึง ชายหญิงซึ่งจดทะเบียนสมรสกันเป็นสามีภริยากันตามกฎหมาย 

มิใช่สามีภริยาที่อยู่กินร่วมกันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส

 

อ่านต่อ
ฟ้องเพิกถอนอำนาจปกครองบุตร มีเหตุอะไรบ้างที่ทนายความจะฟ้องคดีต่อศาลได้

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1582

ถ้าผู้ใช้อำนาจปกครองเป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถโดยคำสั่งศาลก็ดี ใช้อำนาจปกครองเกี่ยวแก่ตัวผู้เยาว์โดยมิชอบก็ดี ประพฤติชั่วร้ายก็ดี ในกรณีเหล่านี้ศาลจะสั่งเอง หรือจะสั่งเมื่อญาติของผู้เยาว์หรืออัยการร้องขอให้ถอนอำนาจปกครองเสียบางส่วนหรือทั้งหมดก็ได้

ถ้าผู้ใช้อำนาจปกครองล้มละลายก็ดี หรือจัดการทรัพย์สินของผู้เยาว์ในทางที่ผิดจนอาจเป็นภัยก็ดี ศาลจะสั่งตามวิธีในวรรคหนึ่งให้ถอนอำนาจจัดการทรัพย์สินเสียก็ได้

ทั้งนี้บิดาหรือมารดาย่อมมีสิทธิที่จะติดต่อกับบุตรของตนได้ตามควรแก่พฤติการณ์ ไม่ว่าบุคคลใดจะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองหรือผู้ปกครองก็ตาม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1584/1

อ่านต่อ
ฟ้องหย่าชาวต่างชาติ ทนายความจะฟ้องหย่าคู่สมรสคนต่างประเทศต้องทำอย่างไรบ้าง
คู่สมรสเป็นชาวต่างชาติ จะฟ้องหย่าต้องทำอย่างไรบ้าง ??
 
สาระสำคัญที่ต้องพิจารณาเป็นลำดับแรกคือ ข้อกฎหมายที่ต้องพิจารณาเมื่อจะฟ้องหย่าชาวต่างชาติ
1. กฎหมายสัญชาติของคู่สมรส กำหนดให้หย่ากันได้ ตามที่พระราชบัญญัติว่าด้วยการขัดกันแห่งกฎหมาย พ.ศ. 2481 มาตรา 27 กำหนดไว้ว่า ศาลไทยจะไม่พิพากษาให้หย่ากัน เว้นแต่กฎหมายสัญชาติแห่งสามีและภริยาทั้งสองฝ่ายยอมให้หย่าได้
 
2. เหตุหย่าต้องเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516 ดังต่อไปนี้

(1) คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันคู่สมรส เป็นชู้หรือมีชู้ ร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ หรือกระทำกับผู้อื่นหรือยอมรับการกระทำของผู้อื่นเพื่อสนองความใคร่ของตนหรือผู้อื่นเป็นอาจิณ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้

(2) คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งประพฤติชั่ว ไม่ว่าความประพฤติชั่วนั้นจะเป็นความผิดอาญาหรือไม่ ถ้าเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่ง

      (ก) ได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง

 

      (ข) ได้รับความดูถูกเกลียดชังเพราะเหตุที่คงเป็นคู่สมรสของฝ่ายที่ประพฤติชั่วอยู่ต่อไป หรือ

      (ค) ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินควร ในเมื่อเอาสภาพ ฐานะและความเป็นอยู่ร่วมกันฉันคู่สมรสมาคำนึงประกอบ

อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้

(3) คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำร้าย หรือทรมานร่างกายหรือจิตใจ หรือหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามอีกฝ่ายหนึ่งหรือบุพการีของอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ ถ้าเป็นการร้ายแรง อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้

(4) คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจงใจละทิ้งร้างอีกฝ่ายหนึ่งไปเกินหนึ่งปี อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้

(4/1) คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก และได้ถูกจำคุกเกินหนึ่งปีในความผิดที่อีกฝ่ายหนึ่งมิได้มีส่วนก่อให้เกิดการกระทำความผิดหรือยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดนั้นด้วย และการเป็นคู่สมรสกันต่อไปจะเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่งได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินควร อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้

(4/2) คู่สมรสสมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันคู่สมรสได้โดยปกติสุขตลอดมาเกินสามปี หรือแยกกันอยู่ตามคำสั่งของศาลเป็นเวลาเกินสามปี ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้

(5) คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญ หรือไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่เป็นเวลาเกินสามปีโดยไม่มีใครทราบแน่ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้

(6) คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่งตามสมควร หรือทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นคู่สมรสอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ ถ้าการกระทำนั้นถึงขนาดที่อีกฝ่ายหนึ่งเดือดร้อนเกินควรในเมื่อเอาสภาพ ฐานะและความเป็นอยู่ร่วมกันฉันคู่สมรสมาคำนึงประกอบ อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้

(7) คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งวิกลจริตตลอดมาเกินสามปี และความวิกลจริตนั้นมีลักษณะยากจะหายได้ กับทั้งความวิกลจริตถึงขนาดที่จะทนอยู่ร่วมกันฉันคู่สมรสต่อไปไม่ได้ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้

(8) คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดทัณฑ์บนที่ทำให้ไว้เป็นหนังสือในเรื่องความประพฤติ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้

(9) คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นโรคติดต่ออย่างร้ายแรงอันอาจเป็นภัยแก่อีกฝ่ายหนึ่งและโรคมีลักษณะเรื้อรังไม่มีทางที่จะหายได้ อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้

(10) คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีสภาพแห่งกายทำให้ไม่อาจร่วมประเวณี หรือไม่อาจกระทำการหรือยอมรับการกระทำเพื่อสนองความใคร่ของอีกฝ่ายได้ตลอดกาล อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้

 

เอกสารที่ต้องเตรียมเพื่อฟ้องคดี
1. ใบสำคัญการสมรส
2. ทะเบียนสมรส
3. ใบสูติบัตรบุตร (ถ้ามีบุตรด้วยกัน)
4. ทะเบียนบ้าน
5. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
6. ภาพถ่ายครอบครัว
7. หลักฐานเกี่ยวกับเหตุที่จะฟ้อง เช่น ภาพถ่ายหรือคลิปวิดิโอที่ถูกทำร้ายร่างกาย  ภาพถ่ายหลักฐานที่คบหาคนอื่นเช่นคนรัก เป็นต้น 
8. ข้อมูลที่อยู่ของคู่สมรส และอีเมลล์

 

ระยะเวลาในการดำเนินการ
ในการฟ้องหย่าชาวต่างชาติจะใช้เวลานานกว่าฟ้องหย่าคนไทยด้วยกัน เนื่องจากต้องมีการส่งสำเนาคำฟ้องไปให้ยังจำเลยที่ต่างประเทศโดยจะใช้เวลาในการดำเนินการประมาณ 6 เดือน ถึง 1 ปี แล้วแต่กรณี

 

เมื่อโจทก์ฟ้องคดีต่อศาลเยาวชนและครอบครัวแล้ว ศาลจะมีคำสั่งให้โจทก์แปลคำฟ้องและเอกสารที่เกี่ยวข้องให้เป็นภาษาราชการของประเทศตามสัญชาติของจำเลย และภาษาอังกฤษ เพื่อให้จำเลยรับทราบและเข้าใจคำฟ้องของโจทก์
 
 
หากท่านใดประสงค์จะฟ้องหย่าคู่สมรสชาวต่างชาติ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมทางแชทไลน์ แอดไลน์ @tanaijim ได้เลยครับ
อ่านต่อ
การยื่นคำร้องขอจดทะเบียนรับรองบุตร ทนายต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้างในการยื่นคำร้องต่อศาล

บุตรที่มิได้เกิดจากบิดาและมารดาที่จดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย

บุตรจะไม่เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของบิดา (แต่ยังคงเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของมารดา)
บิดาสามารถเข้าพบทนายความ เพื่อให้ทนายยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้บิดาจดทะเบียนรับรองบุตร เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของบิดา เพื่อให้บิดามีอำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ได้ 
สำหรับบิดาท่านใดที่ไม่ได้จดทะเบียนรับรองบุตร เนื่องจากมารดาเด็กไม่ให้ความยินยอม
หรือให้ความยินยอม แต่บุตรยังไร้เดียงสา ต้องยื่นคำร้องต่อศาลให้ศาลมีคำสั่งให้ไปจดทะเบียนรับรองบุตรได้ จากนั้นจึงนำคำสั่งศาลเช่นนี้ ประกอบกับหนังสือรับรองคดีถึงที่สุด ไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ที่อำเภอหรือสำนักงานเขต เพื่อขอจดทะเบียนรับรองบุตร
ในการจดทะเบียนรับรองบุตรต่อพนักงานเจ้าหน้าที่นั้น ไม่ได้มีค่าธรรมเนียมนะครับ

เอกสารที่ทนายความต้องเตรียมยื่นคำร้องต่อศาล
1.ใบสูติบัตรของบุตร
2.ทะเบียนบ้านของบุตร
3.บัตรประชาชนของบุตร
4.บัตรประชาชนของผู้ร้อง
5.ทะเบียนบ้านของผู้ร้อง
6.ภาพถ่ายของบุตรและผู้ร้อง
7.หลักฐานการส่งเสียเลี้ยงดู
8.หนังสือยินยอมของมารดาบุตร
9.บัตรประชาชนของมารดาบุตร
10.ทะเบียนบ้านของมารดาบุตร เป็นต้น

ยื่นคำร้องต่อศาลตามทะเบียนบ้านที่ผู้ร้องมีภูมิลำเนาในเขตศาล 

หลังยื่นคำร้องต่อศาล จะต้องนำบุตร พยาน 2 คน ไปสอบปากคำที่สถานพินิจฯ สำนวนการสอบปากคำก็จะส่งไปที่ศาลเพื่อให้ศาลประกอบการพิจารณา